คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก
Think Big
เทคนิคการคิดที่จะผลักดัน
ให้คุณประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาด
โดย David J. Schwartz
บรรยายโดย : ทองสี พุทธลอด
สารบัญ
บทที่ 1 ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้
บทที่ 2 รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ : โรคแห่งความล้มเหลว
บทที่ 3 สร้างความเชื่อมั่นในตนเองและทำลายความหวาดกลัว
บทที่ 4 วิธีการคิดใหญ่
บทที่ 5 วิธีการคิดและฝันอย่างสร้างสรรค์
บทที่ 6 คุณเป็นไปตามที่คิดว่าคุณเป็น
บทที่ 7 จัดการกับสภาพแวดล้อมคุณ : เอาชั้นหนึ่ง
บทที่ 8 ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกับคุณ
บทที่ 9 คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น
บทที่ 10 สร้างนิสัยในการลงมือทำ
บทที่ 11 วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
บทที่ 12 ใช้เป้าหมายให้คุณโต
บทที่ 13 วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำ
บทที่ 14 วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหญ่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต
บทที่ 1 ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้
จะสร้างพลังแห่งความเชื่ออย่างไร ?
การที่จะสร้างและทำให้พลังแห่งความเชื่อแข็งแกร่ง
มีหลัก 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1. คิดว่าต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าจะล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือครอบครัว ต้องคิดว่าคุณจะประสบความสำเร็จ เมื่อคุณประสบกับปัญหายุ่งยาก จงคิดว่า “ เราจะชนะ ” ไม่ใช่ “ เราจะแพ้ ” เมื่อคุณแข่งกับคนอื่น ต้องคิดว่า เราเก่งเท่าๆกับคนที่เก่งที่สุด ไม่ใช่ “ เราเป็นรองเขา ” เมื่อโอกาสเกิด ต้องคิดว่า “ เราทำได้ ไม่ใช่ปอดว่าเราทำไม่ได้หรอก ” ให้จิตใจส่วนที่คิดว่า “ เราจะสำเร็จ” ชี้นำความคิดของคุณ ความคิดที่เชื่อว่าจะสำเร็จจะควบคุมจิตใจของคุณให้คิดแผนการและกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
ถ้าคิดว่าจะล้มเหลวย่อมนำไปสู่ความล้มเหลว เพราะความคิดที่ว่าจะล้มเหลวจะควบคุมจิตใจให้คิดในสิ่งที่ผิดพลาด
2. เตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่าคุณเก่งกว่าที่คุณคิด คนที่ประสบผลสำเร็จไม่ใช่ซูเปอร์แมน ความสำเร็จไม่ต้องอาศัยหัวสมองที่ดีเลิศและก็ไม่มีอะไรมหัศจรรย์เกี่ยวกับความสำเร็จ ความสำเร็จไม่ใช่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาคนที่ประสบผลสำเร็จก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ได้พัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองและทำตามนั้น อย่า-อย่ายอมรับหรือแสดงให้ใครเห็นว่าคุณไม่ใช่คนชั้นหนึ่งเป็นอันขาด
3. คิดใหญ่ ขนาดของความสำเร็จถูกกำหนดโดยขนาดของความเชื่อของคุณ คิดอะไรเล็กๆ ก็จะประสบผลสำเร็จเพียงเล็กน้อย คิดการใหญ่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ จำไว้ว่าความคิดใหญ่และแผนการใหญ่นั้นปกติจะทำได้ง่ายกว่าความคิดเล็กและแผนการเล็ก
นายราล์ฟ เจ คอร์ดิเนอร์ ประธานกรรมการของบริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริก พูดกับที่ประชุมสัมมนาการเป็นผู้นำว่า “ สิ่งที่ผมต้องการจากทุกคนที่ปราถนาจะเป็นผู้นำ สำหรับตัวเขาเองและสำหรับบริษัทของเขาก็คือความมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่มีใครที่จะสอนให้เขาทำได้ การที่คนเราจะล้าหลังหรือก้าวหน้าในงานนั้นขึ้นอยู่กับตัวเขาเองที่จะต้องทำงานและทุ่มเทเต็มกำลัง ไม่มีใครทำให้เขาได้ ”
คำแนะนำของนายคอร์ดิเนอร์ถูกต้องที่สุด คุณต้องทำ เช่นเดียวกับผู้ซึ่งประสบความสำเร็จสูงสุดในการบริหารธุรกิจ การขาย วิศวกรรม ศาสนา งานเขียน งานแสดง และอื่นๆ ซึ่งเขาเหล่านี้ต่างก็มีแผนงานการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
โปรแกรมการฝึกจะต้องประกอบไปด้วย 3 ประการ ประการแรก คือ จะต้องมีเนื้อหาหรือบอกว่าจะทำอะไร ? ประการที่สอง คือ จะต้องมี
วิธีหรือบอกว่าจะทำอย่างไร? และสุดท้ายจะต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบนั่นคือ จะได้ผลอย่างไร ?
บทที่ 2 รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ :
โรคแห่งความล้มเหลว
หลัก 2 ประการที่เอาชนะข้ออ้างเรื่องโชค
1. ยอมรับกฎของเหตุและผล พิจารณาอีกครั้งถึงสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็น“ โชคดี ” ของคนอื่น คุณจะพบว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของดวง แต่เป็นเรื่องการเตรียมการ การวางแผน และความคิดที่มุ่งสู่ความสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่มาก่อนโชคลาภ พิจารณาอีกครั้งถึงเรื่องที่ดูเหมือนกัน “ โชคร้าย ” ของคนบางคน คุณจะพบเหตุผลที่แท้จริง นายสำเร็จเวลาพ่ายแพ้ล้มเหลวเขาจะเรียนรู้และเอาชนะในที่สุด แต่นายแพ้ เวลาพ่ายแพ้ เขาไม่รู้จักจำ
2. อย่าเป็นคนเพ้อฝัน อย่าคิดให้เปลืองสมองและฝันถึงวิธีการเอา ชนะหรือประสบผลสำเร็จโดยไม่ต้องทำอะไรเลย คุณไม่อาจจะประสบผลสำเร็จโดยอาศัยโชคชะตาอย่างแน่นอน ความสำเร็จมาจากการกระทำและการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งถึงหลักการต่างๆ ที่ทำให้เกิดความสำเร็จ อย่าพึ่งดวงเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน หรือเพื่อให้ประสบชัยชนะ หรือให้ได้สิ่งดีๆ ในชีวิต ตรงกันข้าม เน้นการพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ ในตัวเองที่จะทำให้คุณเป็นผู้ชนะ
บทที่ 3 สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง และ
ทำลายความหวาดกลัว
สรุปหลักปฏิบัติในการสร้างความเชื่อมั่น
และทำลายความหวาดกลัวในตนเอง
1.การปฏิบัติเพื่อรักษาความกลัว แยกแยะความกลัวออกมาแล้วทำ
ในสิ่งที่เหมาะสม การไม่ทำอะไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่ากับเป็นการ
เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความกลัวและทำลายความมั่นใจ
2. พยายามอย่างเต็มกำลังที่จะใส่เฉพาะความคิดที่เป็นบวกลงในความทรงจำ อย่าให้ความคิดที่เป็นลบ และติเตียนตนเองเติบโตจนกลายเป็นอสูรทางจิต ปฏิเสธที่จะฟื้นความหลังที่ขมขื่นทุกประการ
3. จัดให้ทุกคนอยู่ในสถานภาพที่เหมาะสม จำไว้ว่าคนเรามีความเหมือนกันมากกว่าที่จะแตกต่างกัน มองทุกคนด้วยความรู้สึกที่เท่าเทียมกันเขาก็เป็นเพียงมนุษย์อีกคนหนึ่ง และสร้างทัศนคติที่เข้าใจผู้อื่น คนจำนวนมากจะเห่า แต่มีน้อยคนที่กัด
4. ฝึกในสิ่งที่จิตใต้สำนึกของคุณบอกว่าถูกต้อง สิ่งนี้จะป้องกันความรู้สึกผิดในจิตใจไม่ให้เกิดขึ้น ทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสูตรแห่งความสำเร็จที่ใช้ได้ผลในทางปฏิบัติมาก
5.ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบอกว่า “ผมมั่นใจ มั่นใจจริงๆ”
ต่อไปนี้เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณควรฝึกในชีวิตประจำวันของคุณ
- เป็นคนนั่งแถวหน้า
- สบตา
- เดินเร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์
- พูด
- ยิ้มเปิดเผย
บทที่ 4 วิธีการคิดใหญ่
ทดสอบคำถามต่อไปนี้เพื่อที่จะวัดขนาดความคิดของคุณ
ในตารางข้างล่างนี้คอลัมน์ซ้ายมือคือรายชื่อของสถานการณ์ต่างๆ คอลัมน์กลางและขวามือเป็นคำบรรยายเปรียบเทียบระหว่างคนที่คิดเล็กกับคนที่คิดใหญ่ในสถานการณ์เดียวกัน สำรวจความคิดของตนเองแล้วตัดสินใจว่าแนวทางไหนที่จะนำคุณไปในทิศทางที่ต้องการ คิดเล็กหรือคิดใหญ่ ?
ในสถานการณ์เดียวกันสามารถที่จะจัดการได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเป็น 2 ทาง ทางเลือกเป็นของคุณดังนี้
จำไว้ว่าคิดใหญ่ดีกว่าในทุกทาง
1.อย่ามีปมด้อย เอาชนะความรู้สึกที่ดูถูกตัวเอง มุ่งเน้นในคุณสมบัติของตนเอง คุณดีกว่าที่คุณคิด
2.ใช้คำของคนที่คิดใหญ่ ใช้คำที่ใหญ่ สดใส และรื่นเริง ใช้คำพูดที่ให้สัญญาว่าจะชนะ ให้ความหวัง ความสุข ความรื่นเริง หลีกเลี่ยงคำที่สร้างภาพพจน์ที่ไม่รื่นเริงของความล้มเหลว การพ่ายแพ้ และความโศกเศร้า
3.มองอนาคตให้ไกลขึ้น ดูว่าอะไรจะเป็นไปได้ ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่อยู่ ฝึกเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งต่างๆ คนอื่น และตัวคุณ
4.มองงานของคุณให้ใหญ่ขึ้น คิดอย่างจริงจังถึงความสำคัญของงานที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งคราวหน้าส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่คุณมองงานในปัจจุบันของคุณ
5.อย่าคิดเรื่องคิดจุกจิก เอาใจใส่ต่อวัตถุประสงค์หลัก ก่อนที่จะเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องจุกจิกทั้งหลาย ถามตัวคุณเองว่า “มันสำคัญอะไรนักหรือ” เติบใหญ่โดยการคิดใหญ่
บทที่ 5 วิธีการคิดและฝันอย่างสร้างสรรค์
สรุปการใช้วิธีการคิดอย่างสร้างสรรค์
1.เชื่อว่าเราทำได้ เมื่อคุณเชื่อว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นไปได้ จิตใจของคุณจะหาหนทางที่จะทำขึ้น เพราะเชื่อว่ามีทางเปิดไปสู่คำตอบ
ลบคำว่า “เป็นไปไม่ได้” “ใช้ไม่ได้ผล” “ทำไม่ได้” “ไม่มีประโยชน์ที่จะลอง” ออกจากความคิดและคำพูดของคุณ
2.อย่าให้ความคิดดังเดิม ทำให้จิตใจคุณเป็นอัมพาต ยอมรับความคิดใหม่ๆ ทดลองและลองแนวทางใหม่ เป็นคนหัวก้าวหน้าในทุกสิ่งที่คุณทำ
3.ถามตัวคุณเองทุกวันว่า “เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร?” ไม่มีข้อจำกัดในการปรับปรุงตัวเองเมื่อคุณถามตัวเองว่า เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ? คำตอบจะปรากฏขึ้น ลองแล้วคอยดูผล
4. ถามตัวเองว่า “เราจะทำให้มากขึ้นได้อย่างไร?” ความสามารถในการทำงานเป็นสภาวะของจิตใจ การถามตัวเองด้วยคำถามนี้จะส่งสัญญาณให้จิตใจคุณทำงาน หาวิธีจะตัดทอนงานที่ไม่จำเป็นต่างๆ ออกองค์ประกอบร่วมของความสำเร็จในธุรกิจก็คือทำสิ่งที่คุณทำให้ดีขึ้น (ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์) และทำในสิ่งที่คุณทำให้มากขึ้น (เพิ่มปริมาณของผลผลิต)
5. ฝึกถามและฟัง ถามและฟังแล้วคุณจะได้วัตถุดิบที่จะใช้ในการตัดสินใจที่ถูกต้อง จำไว้ว่าคนใหญ่ผูกขาดการฟัง คนเล็กผูกขาดการพูด
6. เปิดใจของคุณ ให้จิตใจของคุณได้รับการกระตุ้น สังสรรค์กับคนที่จะช่วยให้คุณคิดถึงความคิดใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ คลุกคลีกับคนที่อยู่ในอาชีพอื่น ถามตัวเองว่า “เราจะทำ”
บทที่ 6 คุณเป็นไปตามที่คิดว่าคุณเป็น
ยกระดับความคิดของคุณ คิดเหมือนที่คนสำคัญคิด
การยกระดับความคิดของคุณจะยกระดับการกระทำของคุณและสิ่งนี้สร้างความสำเร็จ วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณทำงานได้มากขึ้นก็คือการคิดเหมือนที่คนสำคัญคิด ใช้ตารางต่อไปนี้เป็นแนวทางของรายการตรวจสอบ
คุณคิดอย่างไร?
หล่อหลอมคำถามที่ว่า “นี่เป็นวิธีที่คนสำคัญใช้ ใช่หรือไม่?” ลงในจิตใจของคุณ ใช้คำถามนี้ทำให้ตัวคุณใหญ่ขึ้นและประสบผลสำเร็จสูงขึ้น
กล่าวโดยย่อ จำไว้ว่า .......
1. ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดสำคัญ การปรากฏกายของคุณพูดกับคุณ ให้แน่ใจว่ามันช่วยยกระดับขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่นในตนเองของคุณ การปรากฏกายของคุณพูดกับคนอื่นด้วย เพราะฉนั้นให้แน่ใจว่ามันพูดว่า “ นี่คือคนสำคัญ ฉลาด มั่งคั่ง และไว้ใจได้ ”
2. คิดว่างานของคุณสำคัญ คิดแบบนี้แล้วคุณจะได้รับสัญญาณจากจิตใจถึงวิธีที่จะทำงานของคุณให้ดีขึ้น คิดว่างานของคุณสำคัญแล้วลูกน้องของคุณจะคิดว่างานของเขามีความสำคัญเช่นกัน
3. พูดอย่างห้าวหาญกับตัวเองวันละหลายๆครั้ง สร้างโฆษณา “ขายตัวเองให้กับตัวคุณเอง” พูดย้ำกับตัวเองในทุกโอกาสว่า “คุณเป็นคนชั้นหนึ่ง”
4.ในทุกสถานการณ์ของชีวิต ถามตัวเองว่า “ นี่เป็นวิธีการที่คนสำคัญคิดใช่หรือไม่ ” แล้วเชื่อฟังคำตอบนั้น
บทที่ 7 จัดการกับสภาพแวดล้อมของคุณ : เอาชั้นหนึ่ง
สรุปการทำให้สภาพแวดล้อมของคุณนำคุณไปสู่ความสำเร็จ
1. เป็นคนระวังในเรื่องสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับการที่อาหารสร้างร่างกาย อาหารใจสร้างจิตใจ
2. ใช้สภาพแวดล้อมของคุณทำงานให้คุณ ไม่ใช่ต่อต้านคุณ อย่าให้พลังต้านที่มาจากคนที่มีความคิดลบ คนที่ชอบคิดแต่ว่าทำไม่ได้มาทำให้คุณไขว้เขวและคิดอย่างพ่ายแพ้
3. อย่าให้คนคิดเล็กดึงคุณไว้ คนขี้อิจฉาต้องการเห็นคุณล้ม อย่าให้เขาสมหวัง
4. ขอคำแนะนำจากผู้ที่ประสบผลสำเร็จ อนาคตของคุณเป็นสิ่งสำคัญอย่าเสี่ยงกับที่ปรึกษาอิสระที่มีชีวิตล้มเหลว
5. รับแสงแดดของจิตใจให้มาก สังคมกับคนกลุ่มใหม่ๆ ค้นหาและทำสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น
6. โยนยาพิษของความคิดออกจากสภาพแวดล้อมของคุณ หลีกเลี่ยงการนินทา คุยเกี่ยวกับเรื่องงาน แต่พูดเฉพาะในด้านที่เป็นบวก
7. เอาชั้นหนึ่งในทุกสิ่งที่คุณทำ คุณไม่มีปัญญาเอาชั้นอื่น แพงเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพของมัน
บทที่ 8 ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกับคุณ
สรุปวิธีปลูกฝังทัศนคติที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ
1. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า “ ฉันกระตือรือร้น ” ผลตอบแทนมาเป็นสัดส่วนกับความกระตือรือร้นที่ลงทุนไป มี 3 สิ่งที่จะช่วยให้คุณกระตือรือร้นดังนี้
* ศึกษาให้ลึกซึ้ง เมื่อคุณพบว่าคุณไม่ได้สนใจในบางสิ่งบางอย่างค้นคว้าและเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับมัน สิ่งนี้จะสร้างความกระตือรือร้นขึ้นมาได้
* เพิ่มชีวิตชีวาในทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ การยิ้มของคุณ การจับมือ การพูด แม้แต่การเดิน ทำให้มีชีวิตชีวา
* การประกาศข่าวดี ไม่มีใครประสบความสำเร็จในทางที่เป็นบวกโดยการประกาศข่าวร้าย
2. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า คุณเป็นคนสำคัญ และทุกคนจะทำให้คุณมากกว่าเมื่อคุณทำให้เขารู้สึกสำคัญ อย่าลืมทำสิ่งต่อไปนี้
* ในทุกโอกาส แสดงความสำนึกในบุญคุณเท่าที่ทำได้ และทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ
* เรียกคนอื่นโดยเรียกชื่อของเขา
3. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า บริการอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และดูเงินที่จะตามมาเอง ตั้งเป็นกฎว่าคุณจะทำให้คนอื่นมากกว่าที่เขาคาดว่าจะได้รับ
บทที่ 9 คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น
สรุปการปฏิบัติสำหรับการคิดอย่างถูกต้องต่อคนอื่น
1. ทำให้ตัวเองเบาลงในการที่จะยก ฝึกเป็นคนที่น่านิยมชมชอบฝึกเป็นคนประเภทที่คนทั่วไปชอบ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เขาสนับสนุนคุณและเติมเชื้อเพลิงให้กับโปรแกรมสร้างความสำเร็จของคุณ
2. เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างความเป็นเพื่อน แนะนำตัวเองกับคนอื่นในทุกโอกาสที่ทำได้ ให้แน่ใจว่าคุณได้ชื่อที่ถูกต้องของคนอื่น และให้แน่ใจเท่าๆ กันว่าเขาได้ชื่อคุณเช่นเดียวกัน ส่งจดหมายส่วนตัวถึงเพื่อนใหม่ของคุณ ถ้าคุณอยากรู้จักเขาให้ดีขึ้น
3. ยอมรับความแตกต่างและข้อจำกัดในมนุษย์ อย่าคาดหวังความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จากผู้ใด อย่าลืมว่าคนอื่นมีสิทธิที่จะแตกต่างและอย่าเป็นคนชอบแย้ง
4. เปิดช่องบวก สถานีจิตใจที่ดี ค้นคว้าคุณสมบัติที่จะชื่นชอบและยกย่องคนอื่น ไม่ใช่ค้นหาแต่สิ่งที่จะทำให้เกลียด และอย่าให้คนอื่นทำให้ความคิดของคุณลำเอียงเกี่ยวกับบุคคลที่สาม คิดสิ่งที่เป็นบวกต่อคนอื่น แล้วคุณจะได้ผลที่เป็นบวก
5. ฝึกเป็นคนเอื้ออารีในการสนทนา เป็นเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จ สนับสนุนให้คนอื่นพูด ให้คนอื่นพูดกับคุณเกี่ยวกับตัวเขา ความเห็นของเขา และความสำเร็จของเขา
6. ฝึกเป็นคนเอื้อเฟื้อตลอดเวลา มันทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้นและมันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย
7. อย่าโทษคนอื่นเมื่อคุณพ่ายแพ้ จำไว้ว่าวิธีการที่คุณคิดเมื่อคุณประสบความพ่ายแพ้จะเป็นตัวที่กำหนดว่าอีกนานเท่าไรคุณถึงจะชนะ
บทที่ 10 สร้างนิสัยในการลงมือทำ
สรุปการสร้างนิสัยในการลงมือปฏิบัติ
1. เป็นคนกระตือรือร้น เป็นคนทำงาน เป็นนักทำ อย่าเอามือซุกหีบ
2. อย่ารอจนกระทั่งเงื่อนไขต่างๆสมบูรณ์แบบ มันไม่มีวันเกิดขึ้นเผชิญหน้ากับความยุ่งยากและอุปสรรคในอนาคต และแก้ปัญหาเมื่อเกิดขึ้น
3. จำไว้ว่า ลำพังความคิดเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้เกิดความสำเร็จแต่ความคิดจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้รับการปฏิบัติ
4. ใช้การลงมือปฏิบัติช่วยขจัดความกลัวและสร้างความมั่นใจ ทำในสิ่งที่กลัวแล้วความกลัวจะหายไป ลองทำแล้วคอยดู
5. ติดเครื่องความคิดของคุณด้วยมือ อย่ารอให้จิตใจผลักดันคุณให้ทำ แต่ลงมือทำไปก่อนแล้วคุณจะผลักดันจิตใจให้คิด
6. คิดในเกณฑ์ของคำว่า เดี๋ยวนี้ คำว่าพรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า วันหลัง หรือคำอื่นๆ ที่คล้ายกันนั้นมักเป็นคำที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับคำแห่งความล้มเหลว นั่นคือไม่มีวัน จงเป็นคนประเภท “ ฉันจะเริ่มเดี๋ยวนี้ ”
7. นั่งลงและทำงาน อย่าเสียเวลาเตรียมตัวที่จะทำ เอาเวลานั้นมาทำงานดีกว่า
8. เป็นผู้ริเริ่ม เป็นนักรณรงค์ หยิบลูกบอลแล้วออกวิ่ง เป็นอาสาสมัคร แสดงให้เห็นว่าคุณมีความสามารถและมีความทะเยอทะยานที่จะทำใส่เกียร์แล้วไปได้ !
บทที่ 11 วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
สรุปวิธีการเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
ความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวจะพบได้ใน ทัศนคติของคนคนหนึ่งต่อความพ่ายแพ้อุปสรรค ความท้อแท้ และความผิดหวังอื่น ๆ มีป้ายบอกทาง 5 ป้ายที่จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ นั่นคือ
1. ศึกษาความพ่ายแพ้เพื่อที่จะปูทางไปสู่ความสำเร็จ เมื่อคุณแพ้ ควรเรียนรู้และเอาชนะในครั้งต่อไป
2. มีความกล้าหาญที่จะวิจารณ์ตัวเอง ค้นให้พบความผิดพลาดและจุดอ่อนของตัวเอง แล้วทำการแก้ไข สิ่งนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
3.หยุดโทษโชคชะตา ตรวจสอบความพ่ายแพ้แต่ละครั้ง ค้นหาอะไรผิดพลาด จำไว้ว่าการโทษโชคชะตาไม่ทำให้ใครสามารถไปในที่ที่เขาต้องการจะไปได้
4. ผสมผสานความมุมานะกับการทดลอง ยึดติดกับเป้าหมาย แต่อย่าเอาหัวชนฝา ทดลองวิธีการใหม่ๆ
5. จำไว้ว่ามีด้านที่ดีอยู่ในทุกสถานการณ์ ค้นหาดู มองด้านที่ดีและหันหลังให้กับความท้อแท้หมดหวัง
บทที่ 12 ใช้เป้าหมายช่วยให้คุณโต
ภาพพจน์ของผม 10 ปี นับจากนี้ คือแนวทางการวางแผน 10 ปี
ก. ด้านงาน 10 ปีนับจากนี้
- รายได้ระดับไหนที่ผมต้องการจะได้รับ ?
2. ความรับผิดชอบระดับไหนที่ผมมองหา ?
3. อำนาจในการสั่งการแค่ไหนที่ผมต้องการ ?
4. ชื่อเสียงระดับไหนที่ผมจะได้รับจากงาน ?
ข. ด้านครอบครัว 10 ปีนับจากนี้
- มาตรฐานความเป็นอยู่แบบไหนที่ผมต้องการที่จะจัดหาให้ครอบครัว
และตัวเอง?
2. บ้านแบบไหนที่ผมต้องการจะอยู่ ?
3. การพักผ่อนในวันหยุดประเภทไหนที่ผมจะทำ?
4. การสนับสนุนทางด้านการเงินอะไรที่ผมต้องการที่จะให้แก่ลูกๆในช่วงก่อนที่เขาจะช่วยเหลือตัวเองได้ ?
ค. ด้านสังคม 10 ปีนับจากนี้
- เพื่อนประเภทที่ผมอยากจะมี ?
2. สังคมกลุ่มไหนที่ผมอยากจะร่วม ?
3. ตำแหน่งผู้นำระดับไหนในท้องถิ่นที่ผมอยู่ที่ผมต้องการจะเป็น ?
4. ปณิธานอะไรที่ผมต้องการจะส่งเสริมอย่างจริงจัง ?
แนวทางปรับปรุงใน 30 วัน
ก. เลิกนิสัยต่อไปนี้ ( ข้อแนะนำ )
- การผัดวันประกันพรุ่ง
2. การใช้ภาษาที่เป็นลบ
3. ดูโทรทัศน์มากกว่า 60 นาทีต่อวัน
4. นินทา
ข. สร้างนิสัยเหล่านี้ ( ข้อแนะนำ )
- ตรวจสอบรูปร่างหน้าตาอย่างถี่ถ้วนทุกเช้า
2. วางแผนการทำงานในแต่ละวัน
3. สรรเสริญเยินยอคนอื่นในทุกโอกาสที่ทำได้
ค. เพิ่มคุณค่าของตัวเองต่อนายจ้างโดยวิธีต่อไปนี้
( ข้อแนะนำ )
- พัฒนาลูกน้องของตนเองให้ทำงานได้ดีขึ้น
2. เรียนรู้บริษัทที่ตนทำงานอยู่ให้มากขึ้น ดูว่าบริษัททำอะไรและลูกค้าที่บริษัทให้บริการเป็นอย่างไร
3. ให้คำแนะนำเฉพาะ 3 ข้อที่จะช่วยบริษัทมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ง. เพิ่มคุณค่าของตัวเองต่อครอบครัวโดยวิธีต่อไปนี้
( ข้อแนะนำ )
- แสดงความขอบคุณต่อสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ภรรยาทำ ซึ่งตนเคยถือเอาว่าเป็นหน้าที่ต้องทำ
2. สัปดาห์ละครั้ง ทำอะไรพิเศษให้กับครอบครัว
3. ให้เวลาวันละชั่วโมงโดยปราศจากการรบกวนต่อ
ครอบครัว
จ. ลับสมองตัวเองโดยวิธีการต่อไปนี้
( ข้อแนะนำ )
- ลงทุนอ่านวารสารวิชาชีพในวงการของตนเองอาทิตย์ละ
2 ชั่วโมง
2. อ่านหนังสือการพัฒนาตนเอง 1 เล่ม
3. สร้างเพื่อนใหม่ 4 คน
4. ใช้เวลาวันละ 30 นาทีทุกวันในการคิดโดยปราศจากการ
รบกวน
สรุปเป้าหมายการสร้างความสำเร็จ
นำหลักการสร้างความสำเร็จมาใช้
1. กำหนดให้ชัดเจนว่าคุณต้องการไปทางไหน สร้างภาพพจน์ของตัวคุณเอง 10 ปีนับจากวันนี้
2. เขียนแผน 10 ปีของคุณ ชีวิตของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญเกินกว่าที่จะปล่อยให้เป็นไปตามดวง เขียนลงในกระดาษในสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จในงานของคุณ ครอบครัว และชีวิตในสังคม
3. ยอมจำนนต่อความปรารถนาของคุณ ตั้งเป้าหมายเพื่อให้ได้รับพลังงาน ตั้งเป้าหมายเพื่อให้สิ่งต่างๆ ได้รับการปฏิบัติจนสำเร็จ ตั้งเป้าหมายและพบความสนุกสนานและเพลิดเพลินในการใช้ชีวิต
4. ปล่อยให้เป้าหมายหลักของคุณเป็นตัวชี้นำชีวิตโดยอัตโนมัติของคุณ เมื่อคุณปล่อยให้เป้าหมายครอบจิตใจของคุณ คุณจะพบว่าคุณตัดสินใจอย่างถูกต้องที่จะบรรลุสู่เป้าหมายนั้นเสมอ
5. ทำงานสู่เป้าหมายทีละขั้น ถือว่าแต่ละก้าวที่คุณทำเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่เป้าหมาย ไม่ว่าก้าวนั้นจะดูเหมือนก้าวเล็กแค่ไหนก็ตาม
6. สร้างเป้าหมาย 30 วัน ความพยายามในแต่ละวันในที่สุดจะให้ผลที่ต้องการตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
7. เดินอ้อมในการก้าวย่างของคุณ ทางอ้อมมีความหมายเป็นเพียงอีกทางหนึ่ง มันไม่ควรจะหมายถึงการยอมจำนนในเป้าหมายของคุณ
8. ลงทุนในตัวเอง ซื้อสิ่งที่สร้างพลังทางจิตใจและประสิทธิภาพลงทุนในการศึกษา ลงทุนในสิ่งที่สร้างความคิด
บทที่ 13 วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำ
ฝึกการแลกเปลี่ยนจิตใจ
รายการตรวจสอบว่าผมเป็นคนที่คิดก้าวหน้าหรือไม่
ก. ผมเป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้าต่องานที่ทำหรือไม่ ?
1. ผมวิเคราะห์งานที่ทำด้วยทัศนคติที่ว่า เราจะทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร?
หรือไม่ ?
2. ผมสรรเสริญบริษัท คนในบริษัท และผลิตภัณฑ์ที่บริษัทขายในทุกโอกาสที่เป็นไปได้หรือไม่ ?
3. มาตรฐานส่วนตัวของผมเมื่อคำนึงถึงปริมาณและคุณภาพของงานที่ผมทำในขณะนี้สูงกว่าเมื่อ 3 หรือ 6 เดือนที่แล้วหรือไม่ ?
4. ผมเป็นแบบอย่างที่ดีเลิศสำหรับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน และคนอื่นที่ผมทำงานด้วยหรือไม่ ?
ข. ผมคิดอย่างก้าวหน้าต่อครอบครัวหรือไม่ ?
1. ครอบครัวผมมีความสุขมากขึ้นกว่าเมื่อ 3 หรือ 6 เดือนหรือไม่ ?
2. ผมกำลังทำตามแผนที่จะปรับปรุงมาตรฐานความเป็นอยู่ของครอบครัวหรือไม่ ?
3. ครอบครัวผมมีกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจนอกบ้านหรือไม่ ?
4. ผมได้กำหนดแบบอย่างของการเป็นคน “ ก้าวหน้า ” เป็นผู้สนับสนุนความก้าวหน้าให้แก่ลูกๆ หรือไม่ ?
ค. ผมคิดอย่างก้าวหน้าต่อตัวเองหรือไม่ ?
- ผมสามารถพูดได้อย่างบริสุทธิ์ใจหรือไม่ว่าในวันนี้ผมเป็นคนที่มีค่ามากกว่าเมื่อ 3 หรือ 6 เดือนที่แล้ว ?
2. ผมกำลังปฏิบัติตามโปรแกรมการปรับปรุงตนเองอย่างมีระบบ เพื่อที่จะเพิ่มคุณค่าของผมต่อคนอื่นหรือไม่ ?
3. ผมมีเป้าหมายที่มองไกลออกไปในอนาคตอย่างน้อย 5 ปีข้างหน้าหรือไม่ ?
4. ผมเป็นคนที่ผลักดันโครงการต่างๆ ในทุกองค์กรหรือกลุ่มที่ผมเป็นสมาชิกหรือไม่ ?
ง. ผมคิดอย่างก้าวหน้าต่อชุมชนที่ผมอยู่หรือไม่ ?
1. ผมได้ทำอะไรบ้างใน 6 เดือนที่ผ่านมาที่ผมสามารถคิดได้อย่างบริสุทธิ์ใจว่าได้ช่วยปรับปรุงชุมชนของผม ( เพื่อนบ้าน วัด โรงเรียน ฯลฯ) ?
2. ผมได้ช่วยผลักดันโครงการที่มีประโยชน์ต่อชุมชน แทนที่จะคัดค้านวิจารณ์ หรือบ่นหรือไม่ ?
3. ผมเคยเป็นผู้นำในการปรับปรุงที่มีประโยชน์ต่อชุมชนหรือไม่ ?
4. ผมพูดในสิ่งที่ดีต่อเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมชาติหรือไม่ ?
สรุปการคิดที่จะเป็นผู้นำ
การที่จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิผลมากขึ้น ใช้กฎการเป็นผู้นำ 4 ข้อ ต่อไปนี้
1. แลกเปลี่ยนจิตใจกับคนที่คุณต้องการมีอำนาจชักจูงจิตใจ มันเป็นการง่ายที่จะทำให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณต้องการให้เขาทำ ถ้าคุณจะมองสิ่งต่างๆ จากสายตาของเขา ถามตัวเองด้วยคำถามนี้ก่อนที่คุณจะลงมือทำ “ ผมจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ถ้าผมเป็นเขา และเขาเป็นผม ”
2. ประยุกต์ใช้กฎ “ ความเป็นมนุษย์ ” ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่น ถามว่า “ อะไรคือวิธีที่มีความเป็นมนุษย์ในการจัดการกับปัญหานี้ ” ในทุกๆ สิ่งที่คุณทำ แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก ปฏิบัติต่อคนในแบบที่คุณอยากได้รับการปฏิบัติ คุณจะได้รับผลตอบแทนไม่ช้าก็เร็ว
3. คิดอย่างก้าวหน้า เชื่อในความก้าวหน้าและผลักดันเพื่อความก้าวหน้า คิดปรับปรุงในทุกสิ่งที่คุณทำ คิดมาตรฐานสูงในทุกสิ่งที่คุณทำ ในระยะเวลาหนึ่งลูกน้องมีแนวโน้มที่จะเป็นรูปสำเนาของ หัวหน้าของเขา ให้แน่ใจว่ารูปต้นแบบมีค่าควรแก่การทำสำเนา ตั้งเป็นนโยบายส่วนตัวในสิ่งต่อ “ ที่บ้าน ที่ทำงาน ในสังคม ถ้ามันเป็นเรื่องของความก้าวหน้า ผมเห็นด้วย ”
4. หาเวลานอกพูดคุยกับตนเอง และดึงพลังชั้นสุดยอด
ของคุณออกมาใช้ การตั้งใจอย่างโดดเดี่ยวให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ใช้มัน
ในการปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมา ใช้มันในการ
ค้นหาคำตอบให้แก่ปัญหาส่วนตัวและธุรกิจ ดังนั้นใช้เวลาบางส่วน
สำหรับอยู่ตัวคนเดียวทุกวันเพียงเพื่อที่จะคิด ใช้เทคนิคการคิดที่ผู้นำที่ยิ่ง
ใหญ่ทั้งหลายใช้ นั่นคือพูดคุยกับตนเอง
บทที่ 14 วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหญ่ใน
สถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต
มีสิ่งมหัศจรรย์อยู่ในการคิดใหญ่ แต่มันง่ายมาที่จะลืม เมื่อคุณสะดุดตอที่ใหญ่โต ก็น่าห่วงว่าความคิดของคุณจะหดลีบเล็กลง และเมื่อมันเกิดขึ้น คุณก็แพ้
ต่อไปนี้เป็นแนวทางสั้นๆ ที่จะทำให้คุณยังคงยึดอยู่กับสิ่งใหญ่ เมื่อคุณรู้สึกอยากจะใช้วิธีการแบบเล็กในการทำสิ่งต่างๆ
บางทีคุณอาจจะต้องการแนวทางเหล่านี้ลงบนกระดาษการ์ดเล็กๆ เพื่อสะดวกแก่การหยิบใช้
1. เมื่อคนเล็กพยายามกดคุณลงมา จงคิดใหญ่ แน่นอนมีคนบางคนที่ต้องการจะให้คุณแพ้ ต้องการให้ประสบกับเคราะห์ร้าย ต้องการให้คุณถูกตำหนิ แต่คนเหล่านี้ไม่สามารถที่จะทำร้ายคุณได้ถ้าคุณจำ 3 สิ่งต่อไปนี้
ก. คุณชนะถ้าคุณปฏิเสธที่จะสู้กับคนคิดเล็กคิดน้อย การต่อสู้กับคนเล็กจะลดขนาดของคุณให้เท่ากับขนาดของเขา เพราะฉะนั้นยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่ไว้
ข. คาดไว้ได้เลยว่าถ้าคุณต้องการถูกแทงข้างหลัง นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าคุณกำลังโต
ค. เตือนตัวเองว่าคนลอบกัดมีความเจ็บป่วยทางจิตจงเป็นคนใหญ่ และให้ความสงสารแก่พวกเขา
คิดให้ใหญ่พอที่จะปลอดภัยจากการโจมตีของพวกคิดเล็กคิดน้อย
2. เมื่อเกิดความรู้สึกที่ว่า ผมไม่มีในสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จ คืบคลานเข้ามาหาคุณ จงคิดใหญ่ จำไว้ว่าถ้าคุณคิดว่าคุณอ่อนแอ คุณก็จะอ่อนแอ ถ้าคิดว่าคุณไม่มีความสามารถเพียงพอ คุณก็ไม่มี ถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นคนชั้นสองคุณก็เป็น โจมตีแนวโน้มทางธรรมชาติของคนที่จะรู้สึกตนเองว่าต่ำต้อยด้วยเครื่องมือต่อไปนี้
ก. ทำให้ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดในสิ่งที่สำคัญ รูปร่างหน้าตา และการปรากฏภายนอกของคุณมีส่วนเกี่ยวพันกับความรู้สึกภายในของคุณเป็นอย่างมาก
ข. มุ่งเน้นในคุณสมบัติของคุณ สร้างวิธีการขายตัวเองให้กับตัวเองแล้วใช้มัน เรียนรู้ที่จะชาร์จพลังในตัวคุณเอง รู้จักด้านบวกของตัวเอง
ค. วางคนอื่นให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม คนอื่นก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นจะกลัวเขาทำไม ?
คิดให้ใหญ่เพียงพอ เพื่อที่จะเห็นว่าคุณดีแค่ไหนจริงๆ
3. เมื่อมีการทะเลาะเบาะแว้งดูเหมือนจะหลีกเหลี่ยงไม่ได้ จงคิดใหญ่ พยาบาท อาฆาต จะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ที่คุณต้องการจะไป
ก. ถามตัวเองว่า จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่สำคัญแค่ไหนที่จะต้อง ถกเถียงกัน?
ข. เตือนตัวเองว่า คุณไม่ได้อะไรเลยจากการทุ่มเถียง แต่คุณจะเสียอะไรบางสิ่งบางอย่างเสมอ
คิดให้ใหญ่เพียงพอที่จะเห็นว่าการทะเลาะ การทุ่มเถียง และความพยาบาทอาฆาตจะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ๆ คุณต้องการจะไป
4. เมื่อคุณรู้สึกพ่ายแพ้ จงคิดใหญ่ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จใหญ่หลวงโดยปราศจากความ ลำบากและความผิดพลาดแต่มันเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการถูกทำให้ พ่ายแพ้ นักคิดใหญ่มีปฏิกิริยาต่อความผิดพลาดโดยวิธีนี้
ก. ถือว่าความผิดพลาดเป็นบทเรียน เรียนรู้จากมัน วิเคราะห์ดูความผิดพลาดและใช้มันในการส่งคุณให้ก้าวไปข้างหน้า กอบกู้สิ่งที่เหลืออยู่จากความผิดพลาดทุกครั้ง
ข. ผสมผสานความมุ่งมั่นกับการทดลอง ถอยหลังและเริ่มทำใหม่ด้วยวิธีการใหม่ๆ
คิดให้ใหญ่พอที่จะเห็นว่าความพ่ายแพ้เป็นสภาวะของจิตใจไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
5. เมื่ออารมณ์แห่งความรักเริ่มจะเสื่อมคลาย จงคิดใหญ่ ความคิดจุกจิกและเป็นลบประเภท หล่อน (เขา) ไม่ยุติธรรมกับผม ( ฉัน)เพราะฉะนั้นผม ( ฉัน ) ก็ทำแบบเดียวกัน เป็นความคิดที่ฆ่าอารมณ์แห่งความรัก ทำลายความเสน่หาที่ควรจะเป็นของคุณ ทำสิ่งต่อไปนี้เมื่อเกิดความขัดข้องหมองใจในด้านของความรัก
ก. มุ่งเน้นในคุณสมบัติสำคัญที่สุดกับคนที่คุณต้องการให้รักคุณเก็บสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไว้ในที่ของมัน ที่ชั้นสอง
ข. ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นพิเศษสำหรับคู่ของคุณ และทำบ่อยๆ คิดให้ใหญ่พอที่จะพบความสุขของชีวิตแต่งงาน
6. เมื่อคุณรู้สึกว่าความก้าวหน้าในงานกำลังช้าลง จงคิดใหญ่ ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไร และไม่ว่าคุณจะมีอาชีพอะไร การเลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนที่สูงขึ้นมาจากสิ่งเดียวเท่านั้น คือเพิ่มคุณภาพและปริมาณของผลผลิตของคุณ ทำสิ่งต่อไปนี้
คิดว่า ผมสามารถทำให้ดีขึ้น สิ่งที่ดีทีสุดไม่มี เพราะฉะนั้นมีช่องทางที่จะทำทุกสิ่งให้ดีขึ้น ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ถูกทำขึ้นอย่างสมบูรณ์ไม่มีที่ติและเมื่อคุณคิดว่า ผมสามารถทำให้ดีขึ้น จะปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมาคิดให้ใหญ่พอที่จะเห็นว่าถ้าคุณถือบริการอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เงินก็จะตามมาเอง
จากวาทะของพูบลิเลียส ไซรัส ได้กล่าวไว้ว่า
คนฉลาดจะเป็นเจ้านายของจิตใจเขา คนโง่จะเป็นทาส
Buddhist Style in Management
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น