คิดใหญ่   ไม่คิดเล็ก
    Think Big
      เทคนิคการคิดที่จะผลักดัน
      ให้คุณประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาด
    โดย   David J. Schwartz
    บรรยายโดย :    ทองสี  พุทธลอด
    สารบัญ
    บทที่   1          ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้
    บทที่   2          รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ : โรคแห่งความล้มเหลว
    บทที่   3         สร้างความเชื่อมั่นในตนเองและทำลายความหวาดกลัว
    บทที่   4           วิธีการคิดใหญ่
    บทที่   5           วิธีการคิดและฝันอย่างสร้างสรรค์
    บทที่   6           คุณเป็นไปตามที่คิดว่าคุณเป็น
    บทที่   7           จัดการกับสภาพแวดล้อมคุณ : เอาชั้นหนึ่ง
    บทที่   8           ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกับคุณ
    บทที่   9           คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น
    บทที่   10    สร้างนิสัยในการลงมือทำ
    บทที่   11     วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
    บทที่   12      ใช้เป้าหมายให้คุณโต
    บทที่   13      วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำ
    บทที่   14      วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหญ่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต
   
   
    บทที่ 1     ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้
      จะสร้างพลังแห่งความเชื่ออย่างไร ?
   
                      การที่จะสร้างและทำให้พลังแห่งความเชื่อแข็งแกร่ง   
    มีหลัก 3   ประการ ดังต่อไปนี้  
    1.    คิดว่าต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าจะล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือครอบครัว   ต้องคิดว่าคุณจะประสบความสำเร็จ เมื่อคุณประสบกับปัญหายุ่งยาก จงคิดว่า   “   เราจะชนะ ”    ไม่ใช่  “   เราจะแพ้ ”    เมื่อคุณแข่งกับคนอื่น ต้องคิดว่า  เราเก่งเท่าๆกับคนที่เก่งที่สุด ไม่ใช่  “   เราเป็นรองเขา ”    เมื่อโอกาสเกิด ต้องคิดว่า “   เราทำได้ ไม่ใช่ปอดว่าเราทำไม่ได้หรอก ”    ให้จิตใจส่วนที่คิดว่า “   เราจะสำเร็จ”    ชี้นำความคิดของคุณ   ความคิดที่เชื่อว่าจะสำเร็จจะควบคุมจิตใจของคุณให้คิดแผนการและกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
      ถ้าคิดว่าจะล้มเหลวย่อมนำไปสู่ความล้มเหลว   เพราะความคิดที่ว่าจะล้มเหลวจะควบคุมจิตใจให้คิดในสิ่งที่ผิดพลาด
                      2.  เตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่าคุณเก่งกว่าที่คุณคิด     คนที่ประสบผลสำเร็จไม่ใช่ซูเปอร์แมน   ความสำเร็จไม่ต้องอาศัยหัวสมองที่ดีเลิศและก็ไม่มีอะไรมหัศจรรย์เกี่ยวกับความสำเร็จ   ความสำเร็จไม่ใช่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาคนที่ประสบผลสำเร็จก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ได้พัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองและทำตามนั้น   อย่า-อย่ายอมรับหรือแสดงให้ใครเห็นว่าคุณไม่ใช่คนชั้นหนึ่งเป็นอันขาด
                      3.  คิดใหญ่     ขนาดของความสำเร็จถูกกำหนดโดยขนาดของความเชื่อของคุณ คิดอะไรเล็กๆ   ก็จะประสบผลสำเร็จเพียงเล็กน้อย คิดการใหญ่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่   จำไว้ว่าความคิดใหญ่และแผนการใหญ่นั้นปกติจะทำได้ง่ายกว่าความคิดเล็กและแผนการเล็ก
    นายราล์ฟ เจ   คอร์ดิเนอร์ ประธานกรรมการของบริษัทเจเนอรัล    อิเล็กทริก   พูดกับที่ประชุมสัมมนาการเป็นผู้นำว่า “   สิ่งที่ผมต้องการจากทุกคนที่ปราถนาจะเป็นผู้นำ   สำหรับตัวเขาเองและสำหรับบริษัทของเขาก็คือความมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนด้วยตัวเอง   ไม่มีใครที่จะสอนให้เขาทำได้   การที่คนเราจะล้าหลังหรือก้าวหน้าในงานนั้นขึ้นอยู่กับตัวเขาเองที่จะต้องทำงานและทุ่มเทเต็มกำลัง   ไม่มีใครทำให้เขาได้ ”
                      คำแนะนำของนายคอร์ดิเนอร์ถูกต้องที่สุด คุณต้องทำ   เช่นเดียวกับผู้ซึ่งประสบความสำเร็จสูงสุดในการบริหารธุรกิจ  การขาย  วิศวกรรม   ศาสนา  งานเขียน  งานแสดง และอื่นๆ   ซึ่งเขาเหล่านี้ต่างก็มีแผนงานการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
                      โปรแกรมการฝึกจะต้องประกอบไปด้วย 3 ประการ ประการแรก คือ   จะต้องมีเนื้อหาหรือบอกว่าจะทำอะไร ?   ประการที่สอง   คือ จะต้องมี
      วิธีหรือบอกว่าจะทำอย่างไร?     และสุดท้ายจะต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบนั่นคือ จะได้ผลอย่างไร   ?
   
    บทที่ 2     รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ :
      โรคแห่งความล้มเหลว
   
    หลัก 2   ประการที่เอาชนะข้ออ้างเรื่องโชค
            1.   ยอมรับกฎของเหตุและผล พิจารณาอีกครั้งถึงสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็น“   โชคดี ”   ของคนอื่น คุณจะพบว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของดวง แต่เป็นเรื่องการเตรียมการ   การวางแผน และความคิดที่มุ่งสู่ความสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่มาก่อนโชคลาภ   พิจารณาอีกครั้งถึงเรื่องที่ดูเหมือนกัน “   โชคร้าย ”   ของคนบางคน คุณจะพบเหตุผลที่แท้จริง   นายสำเร็จเวลาพ่ายแพ้ล้มเหลวเขาจะเรียนรู้และเอาชนะในที่สุด แต่นายแพ้   เวลาพ่ายแพ้ เขาไม่รู้จักจำ
                      2. อย่าเป็นคนเพ้อฝัน    อย่าคิดให้เปลืองสมองและฝันถึงวิธีการเอา   ชนะหรือประสบผลสำเร็จโดยไม่ต้องทำอะไรเลย   คุณไม่อาจจะประสบผลสำเร็จโดยอาศัยโชคชะตาอย่างแน่นอน   ความสำเร็จมาจากการกระทำและการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งถึงหลักการต่างๆ   ที่ทำให้เกิดความสำเร็จ อย่าพึ่งดวงเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน   หรือเพื่อให้ประสบชัยชนะ หรือให้ได้สิ่งดีๆ ในชีวิต ตรงกันข้าม   เน้นการพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ ในตัวเองที่จะทำให้คุณเป็นผู้ชนะ
   
    บทที่ 3    สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง   และ
      ทำลายความหวาดกลัว
   
 
   
      สรุปหลักปฏิบัติในการสร้างความเชื่อมั่น
      และทำลายความหวาดกลัวในตนเอง
              1.การปฏิบัติเพื่อรักษาความกลัว แยกแยะความกลัวออกมาแล้วทำ
      ในสิ่งที่เหมาะสม การไม่ทำอะไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่ากับเป็นการ
      เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความกลัวและทำลายความมั่นใจ
            2.   พยายามอย่างเต็มกำลังที่จะใส่เฉพาะความคิดที่เป็นบวกลงในความทรงจำ   อย่าให้ความคิดที่เป็นลบ และติเตียนตนเองเติบโตจนกลายเป็นอสูรทางจิต   ปฏิเสธที่จะฟื้นความหลังที่ขมขื่นทุกประการ  
                      3. จัดให้ทุกคนอยู่ในสถานภาพที่เหมาะสม   จำไว้ว่าคนเรามีความเหมือนกันมากกว่าที่จะแตกต่างกัน   มองทุกคนด้วยความรู้สึกที่เท่าเทียมกันเขาก็เป็นเพียงมนุษย์อีกคนหนึ่ง   และสร้างทัศนคติที่เข้าใจผู้อื่น คนจำนวนมากจะเห่า แต่มีน้อยคนที่กัด
                      4. ฝึกในสิ่งที่จิตใต้สำนึกของคุณบอกว่าถูกต้อง   สิ่งนี้จะป้องกันความรู้สึกผิดในจิตใจไม่ให้เกิดขึ้น   ทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสูตรแห่งความสำเร็จที่ใช้ได้ผลในทางปฏิบัติมาก
            5.ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบอกว่า “ผมมั่นใจ    มั่นใจจริงๆ”
            ต่อไปนี้เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณควรฝึกในชีวิตประจำวันของคุณ
                      -  เป็นคนนั่งแถวหน้า
                      -  สบตา
                      -  เดินเร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์
                      -  พูด
                      -  ยิ้มเปิดเผย
     
    บทที่ 4    วิธีการคิดใหญ่
     
      ทดสอบคำถามต่อไปนี้เพื่อที่จะวัดขนาดความคิดของคุณ
                      ในตารางข้างล่างนี้คอลัมน์ซ้ายมือคือรายชื่อของสถานการณ์ต่างๆ   คอลัมน์กลางและขวามือเป็นคำบรรยายเปรียบเทียบระหว่างคนที่คิดเล็กกับคนที่คิดใหญ่ในสถานการณ์เดียวกัน   สำรวจความคิดของตนเองแล้วตัดสินใจว่าแนวทางไหนที่จะนำคุณไปในทิศทางที่ต้องการ   คิดเล็กหรือคิดใหญ่ ?
                        ในสถานการณ์เดียวกันสามารถที่จะจัดการได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเป็น 2 ทาง   ทางเลือกเป็นของคุณดังนี้
   
   
   
   
 
   
      จำไว้ว่าคิดใหญ่ดีกว่าในทุกทาง
      1.อย่ามีปมด้อย      เอาชนะความรู้สึกที่ดูถูกตัวเอง มุ่งเน้นในคุณสมบัติของตนเอง   คุณดีกว่าที่คุณคิด    
                      2.ใช้คำของคนที่คิดใหญ่    ใช้คำที่ใหญ่   สดใส และรื่นเริง ใช้คำพูดที่ให้สัญญาว่าจะชนะ ให้ความหวัง ความสุข   ความรื่นเริง หลีกเลี่ยงคำที่สร้างภาพพจน์ที่ไม่รื่นเริงของความล้มเหลว   การพ่ายแพ้ และความโศกเศร้า
                      3.มองอนาคตให้ไกลขึ้น  ดูว่าอะไรจะเป็นไปได้   ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่อยู่ ฝึกเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งต่างๆ คนอื่น และตัวคุณ
                      4.มองงานของคุณให้ใหญ่ขึ้น    คิดอย่างจริงจังถึงความสำคัญของงานที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน   การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งคราวหน้าส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่คุณมองงานในปัจจุบันของคุณ
             5.อย่าคิดเรื่องคิดจุกจิก   เอาใจใส่ต่อวัตถุประสงค์หลัก   ก่อนที่จะเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องจุกจิกทั้งหลาย ถามตัวคุณเองว่า   “มันสำคัญอะไรนักหรือ”   เติบใหญ่โดยการคิดใหญ่
   
    บทที่ 5   วิธีการคิดและฝันอย่างสร้างสรรค์
      สรุปการใช้วิธีการคิดอย่างสร้างสรรค์
     
                      1.เชื่อว่าเราทำได้   เมื่อคุณเชื่อว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นไปได้ จิตใจของคุณจะหาหนทางที่จะทำขึ้น   เพราะเชื่อว่ามีทางเปิดไปสู่คำตอบ
                      ลบคำว่า “เป็นไปไม่ได้”   “ใช้ไม่ได้ผล”   “ทำไม่ได้”   “ไม่มีประโยชน์ที่จะลอง”    ออกจากความคิดและคำพูดของคุณ
                      2.อย่าให้ความคิดดังเดิม   ทำให้จิตใจคุณเป็นอัมพาต ยอมรับความคิดใหม่ๆ ทดลองและลองแนวทางใหม่   เป็นคนหัวก้าวหน้าในทุกสิ่งที่คุณทำ
                    3.ถามตัวคุณเองทุกวันว่า  “เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร?”    ไม่มีข้อจำกัดในการปรับปรุงตัวเองเมื่อคุณถามตัวเองว่า   เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ?   คำตอบจะปรากฏขึ้น ลองแล้วคอยดูผล
                       4. ถามตัวเองว่า   “เราจะทำให้มากขึ้นได้อย่างไร?”    ความสามารถในการทำงานเป็นสภาวะของจิตใจ   การถามตัวเองด้วยคำถามนี้จะส่งสัญญาณให้จิตใจคุณทำงาน   หาวิธีจะตัดทอนงานที่ไม่จำเป็นต่างๆ   ออกองค์ประกอบร่วมของความสำเร็จในธุรกิจก็คือทำสิ่งที่คุณทำให้ดีขึ้น   (ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์) และทำในสิ่งที่คุณทำให้มากขึ้น   (เพิ่มปริมาณของผลผลิต)         
                       5. ฝึกถามและฟัง   ถามและฟังแล้วคุณจะได้วัตถุดิบที่จะใช้ในการตัดสินใจที่ถูกต้อง   จำไว้ว่าคนใหญ่ผูกขาดการฟัง คนเล็กผูกขาดการพูด
                       6. เปิดใจของคุณ ให้จิตใจของคุณได้รับการกระตุ้น   สังสรรค์กับคนที่จะช่วยให้คุณคิดถึงความคิดใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ   คลุกคลีกับคนที่อยู่ในอาชีพอื่น ถามตัวเองว่า “เราจะทำ”
   
    บทที่ 6   คุณเป็นไปตามที่คิดว่าคุณเป็น
      ยกระดับความคิดของคุณ คิดเหมือนที่คนสำคัญคิด
     
                          การยกระดับความคิดของคุณจะยกระดับการกระทำของคุณและสิ่งนี้สร้างความสำเร็จ   วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณทำงานได้มากขึ้นก็คือการคิดเหมือนที่คนสำคัญคิด   ใช้ตารางต่อไปนี้เป็นแนวทางของรายการตรวจสอบ
    คุณคิดอย่างไร?
   
 
   
      หล่อหลอมคำถามที่ว่า “นี่เป็นวิธีที่คนสำคัญใช้   ใช่หรือไม่?”    ลงในจิตใจของคุณ ใช้คำถามนี้ทำให้ตัวคุณใหญ่ขึ้นและประสบผลสำเร็จสูงขึ้น
   
   
            กล่าวโดยย่อ จำไว้ว่า        .......
                      1. ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดสำคัญ   การปรากฏกายของคุณพูดกับคุณ   ให้แน่ใจว่ามันช่วยยกระดับขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่นในตนเองของคุณ   การปรากฏกายของคุณพูดกับคนอื่นด้วย เพราะฉนั้นให้แน่ใจว่ามันพูดว่า   “   นี่คือคนสำคัญ ฉลาด มั่งคั่ง และไว้ใจได้ ”                 
                      2. คิดว่างานของคุณสำคัญ   คิดแบบนี้แล้วคุณจะได้รับสัญญาณจากจิตใจถึงวิธีที่จะทำงานของคุณให้ดีขึ้น   คิดว่างานของคุณสำคัญแล้วลูกน้องของคุณจะคิดว่างานของเขามีความสำคัญเช่นกัน
                      3. พูดอย่างห้าวหาญกับตัวเองวันละหลายๆครั้ง   สร้างโฆษณา  “ขายตัวเองให้กับตัวคุณเอง”    พูดย้ำกับตัวเองในทุกโอกาสว่า “คุณเป็นคนชั้นหนึ่ง”
                      4.ในทุกสถานการณ์ของชีวิต ถามตัวเองว่า   “   นี่เป็นวิธีการที่คนสำคัญคิดใช่หรือไม่ ”    แล้วเชื่อฟังคำตอบนั้น
   
    บทที่ 7   จัดการกับสภาพแวดล้อมของคุณ   :   เอาชั้นหนึ่ง
      สรุปการทำให้สภาพแวดล้อมของคุณนำคุณไปสู่ความสำเร็จ
     
                      1. เป็นคนระวังในเรื่องสภาพแวดล้อม   เช่นเดียวกับการที่อาหารสร้างร่างกาย  อาหารใจสร้างจิตใจ
                      2. ใช้สภาพแวดล้อมของคุณทำงานให้คุณ ไม่ใช่ต่อต้านคุณ   อย่าให้พลังต้านที่มาจากคนที่มีความคิดลบ   คนที่ชอบคิดแต่ว่าทำไม่ได้มาทำให้คุณไขว้เขวและคิดอย่างพ่ายแพ้
                      3. อย่าให้คนคิดเล็กดึงคุณไว้   คนขี้อิจฉาต้องการเห็นคุณล้ม อย่าให้เขาสมหวัง
                      4. ขอคำแนะนำจากผู้ที่ประสบผลสำเร็จ   อนาคตของคุณเป็นสิ่งสำคัญอย่าเสี่ยงกับที่ปรึกษาอิสระที่มีชีวิตล้มเหลว
                      5. รับแสงแดดของจิตใจให้มาก สังคมกับคนกลุ่มใหม่ๆ   ค้นหาและทำสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น
                      6. โยนยาพิษของความคิดออกจากสภาพแวดล้อมของคุณ   หลีกเลี่ยงการนินทา คุยเกี่ยวกับเรื่องงาน แต่พูดเฉพาะในด้านที่เป็นบวก
                      7. เอาชั้นหนึ่งในทุกสิ่งที่คุณทำ   คุณไม่มีปัญญาเอาชั้นอื่น แพงเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพของมัน
   
    บทที่   8   ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกับคุณ
      สรุปวิธีปลูกฝังทัศนคติที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ
     
                      1. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า   “   ฉันกระตือรือร้น ”   ผลตอบแทนมาเป็นสัดส่วนกับความกระตือรือร้นที่ลงทุนไป มี 3   สิ่งที่จะช่วยให้คุณกระตือรือร้นดังนี้ 
                      *  ศึกษาให้ลึกซึ้ง   เมื่อคุณพบว่าคุณไม่ได้สนใจในบางสิ่งบางอย่างค้นคว้าและเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับมัน   สิ่งนี้จะสร้างความกระตือรือร้นขึ้นมาได้
                      *  เพิ่มชีวิตชีวาในทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ   การยิ้มของคุณ การจับมือ การพูด แม้แต่การเดิน ทำให้มีชีวิตชีวา
                      *  การประกาศข่าวดี   ไม่มีใครประสบความสำเร็จในทางที่เป็นบวกโดยการประกาศข่าวร้าย
                      2. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า คุณเป็นคนสำคัญ   และทุกคนจะทำให้คุณมากกว่าเมื่อคุณทำให้เขารู้สึกสำคัญ อย่าลืมทำสิ่งต่อไปนี้
                      *  ในทุกโอกาส แสดงความสำนึกในบุญคุณเท่าที่ทำได้   และทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ
                      *  เรียกคนอื่นโดยเรียกชื่อของเขา
                      3. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า บริการอยู่เหนือสิ่งอื่นใด   และดูเงินที่จะตามมาเอง   ตั้งเป็นกฎว่าคุณจะทำให้คนอื่นมากกว่าที่เขาคาดว่าจะได้รับ
   
    บทที่ 9   คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น
      สรุปการปฏิบัติสำหรับการคิดอย่างถูกต้องต่อคนอื่น
     
                      1. ทำให้ตัวเองเบาลงในการที่จะยก    ฝึกเป็นคนที่น่านิยมชมชอบฝึกเป็นคนประเภทที่คนทั่วไปชอบ   ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เขาสนับสนุนคุณและเติมเชื้อเพลิงให้กับโปรแกรมสร้างความสำเร็จของคุณ                 
                      2. เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างความเป็นเพื่อน   แนะนำตัวเองกับคนอื่นในทุกโอกาสที่ทำได้   ให้แน่ใจว่าคุณได้ชื่อที่ถูกต้องของคนอื่น และให้แน่ใจเท่าๆ   กันว่าเขาได้ชื่อคุณเช่นเดียวกัน ส่งจดหมายส่วนตัวถึงเพื่อนใหม่ของคุณ   ถ้าคุณอยากรู้จักเขาให้ดีขึ้น
    3.   ยอมรับความแตกต่างและข้อจำกัดในมนุษย์   อย่าคาดหวังความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จากผู้ใด   อย่าลืมว่าคนอื่นมีสิทธิที่จะแตกต่างและอย่าเป็นคนชอบแย้ง
    4.  เปิดช่องบวก สถานีจิตใจที่ดี    ค้นคว้าคุณสมบัติที่จะชื่นชอบและยกย่องคนอื่น   ไม่ใช่ค้นหาแต่สิ่งที่จะทำให้เกลียด   และอย่าให้คนอื่นทำให้ความคิดของคุณลำเอียงเกี่ยวกับบุคคลที่สาม   คิดสิ่งที่เป็นบวกต่อคนอื่น แล้วคุณจะได้ผลที่เป็นบวก
    5.  ฝึกเป็นคนเอื้ออารีในการสนทนา เป็นเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จ   สนับสนุนให้คนอื่นพูด ให้คนอื่นพูดกับคุณเกี่ยวกับตัวเขา ความเห็นของเขา   และความสำเร็จของเขา
    6.   ฝึกเป็นคนเอื้อเฟื้อตลอดเวลา   มันทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้นและมันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย 
    7.  อย่าโทษคนอื่นเมื่อคุณพ่ายแพ้   จำไว้ว่าวิธีการที่คุณคิดเมื่อคุณประสบความพ่ายแพ้จะเป็นตัวที่กำหนดว่าอีกนานเท่าไรคุณถึงจะชนะ
   
    บทที่ 10   สร้างนิสัยในการลงมือทำ
      สรุปการสร้างนิสัยในการลงมือปฏิบัติ
   
                      1. เป็นคนกระตือรือร้น เป็นคนทำงาน เป็นนักทำ   อย่าเอามือซุกหีบ
                      2. อย่ารอจนกระทั่งเงื่อนไขต่างๆสมบูรณ์แบบ   มันไม่มีวันเกิดขึ้นเผชิญหน้ากับความยุ่งยากและอุปสรรคในอนาคต   และแก้ปัญหาเมื่อเกิดขึ้น
                      3. จำไว้ว่า   ลำพังความคิดเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้เกิดความสำเร็จแต่ความคิดจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้รับการปฏิบัติ
                      4.   ใช้การลงมือปฏิบัติช่วยขจัดความกลัวและสร้างความมั่นใจ   ทำในสิ่งที่กลัวแล้วความกลัวจะหายไป ลองทำแล้วคอยดู
                      5. ติดเครื่องความคิดของคุณด้วยมือ   อย่ารอให้จิตใจผลักดันคุณให้ทำ แต่ลงมือทำไปก่อนแล้วคุณจะผลักดันจิตใจให้คิด
                      6. คิดในเกณฑ์ของคำว่า เดี๋ยวนี้ คำว่าพรุ่งนี้   อาทิตย์หน้า วันหลัง  หรือคำอื่นๆ   ที่คล้ายกันนั้นมักเป็นคำที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับคำแห่งความล้มเหลว   นั่นคือไม่มีวัน จงเป็นคนประเภท “   ฉันจะเริ่มเดี๋ยวนี้ ”
                      7. นั่งลงและทำงาน อย่าเสียเวลาเตรียมตัวที่จะทำ   เอาเวลานั้นมาทำงานดีกว่า
                      8. เป็นผู้ริเริ่ม เป็นนักรณรงค์ หยิบลูกบอลแล้วออกวิ่ง   เป็นอาสาสมัคร   แสดงให้เห็นว่าคุณมีความสามารถและมีความทะเยอทะยานที่จะทำใส่เกียร์แล้วไปได้  !
   
    บทที่   11   วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
      สรุปวิธีการเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
   
                      ความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวจะพบได้ใน   ทัศนคติของคนคนหนึ่งต่อความพ่ายแพ้อุปสรรค ความท้อแท้ และความผิดหวังอื่น ๆ   มีป้ายบอกทาง 5 ป้ายที่จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ นั่นคือ
                      1. ศึกษาความพ่ายแพ้เพื่อที่จะปูทางไปสู่ความสำเร็จ   เมื่อคุณแพ้ ควรเรียนรู้และเอาชนะในครั้งต่อไป
                      2. มีความกล้าหาญที่จะวิจารณ์ตัวเอง   ค้นให้พบความผิดพลาดและจุดอ่อนของตัวเอง แล้วทำการแก้ไข   สิ่งนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
                      3.หยุดโทษโชคชะตา ตรวจสอบความพ่ายแพ้แต่ละครั้ง   ค้นหาอะไรผิดพลาด   จำไว้ว่าการโทษโชคชะตาไม่ทำให้ใครสามารถไปในที่ที่เขาต้องการจะไปได้
                      4. ผสมผสานความมุมานะกับการทดลอง ยึดติดกับเป้าหมาย   แต่อย่าเอาหัวชนฝา ทดลองวิธีการใหม่ๆ
                      5. จำไว้ว่ามีด้านที่ดีอยู่ในทุกสถานการณ์ ค้นหาดู   มองด้านที่ดีและหันหลังให้กับความท้อแท้หมดหวัง
   
    บทที่ 12   ใช้เป้าหมายช่วยให้คุณโต
    ภาพพจน์ของผม   10 ปี นับจากนี้  คือแนวทางการวางแผน   10 ปี
   
    ก. ด้านงาน 10   ปีนับจากนี้
  -       รายได้ระดับไหนที่ผมต้องการจะได้รับ ?
  2.           ความรับผิดชอบระดับไหนที่ผมมองหา ?
    3.           อำนาจในการสั่งการแค่ไหนที่ผมต้องการ ?
      4.             ชื่อเสียงระดับไหนที่ผมจะได้รับจากงาน   ?
     
    ข.   ด้านครอบครัว 10 ปีนับจากนี้
  -       มาตรฐานความเป็นอยู่แบบไหนที่ผมต้องการที่จะจัดหาให้ครอบครัว
          และตัวเอง?
    2.           บ้านแบบไหนที่ผมต้องการจะอยู่ ?
    3.           การพักผ่อนในวันหยุดประเภทไหนที่ผมจะทำ?
    4.    การสนับสนุนทางด้านการเงินอะไรที่ผมต้องการที่จะให้แก่ลูกๆในช่วงก่อนที่เขาจะช่วยเหลือตัวเองได้  ?
    ค. ด้านสังคม   10 ปีนับจากนี้
  -       เพื่อนประเภทที่ผมอยากจะมี ?
  2.           สังคมกลุ่มไหนที่ผมอยากจะร่วม ?
    3.           ตำแหน่งผู้นำระดับไหนในท้องถิ่นที่ผมอยู่ที่ผมต้องการจะเป็น   ?
    4.    ปณิธานอะไรที่ผมต้องการจะส่งเสริมอย่างจริงจัง ?
   
      แนวทางปรับปรุงใน 30 วัน
    ก.   เลิกนิสัยต่อไปนี้ ( ข้อแนะนำ )
  -       การผัดวันประกันพรุ่ง
  2.           การใช้ภาษาที่เป็นลบ
    3.           ดูโทรทัศน์มากกว่า 60 นาทีต่อวัน
    4.   นินทา
    ข.   สร้างนิสัยเหล่านี้ ( ข้อแนะนำ )
  -       ตรวจสอบรูปร่างหน้าตาอย่างถี่ถ้วนทุกเช้า
  2.           วางแผนการทำงานในแต่ละวัน
    3.    สรรเสริญเยินยอคนอื่นในทุกโอกาสที่ทำได้
    ค.   เพิ่มคุณค่าของตัวเองต่อนายจ้างโดยวิธีต่อไปนี้ 
    ( ข้อแนะนำ )
  -       พัฒนาลูกน้องของตนเองให้ทำงานได้ดีขึ้น
  2.           เรียนรู้บริษัทที่ตนทำงานอยู่ให้มากขึ้น   ดูว่าบริษัททำอะไรและลูกค้าที่บริษัทให้บริการเป็นอย่างไร
    3.    ให้คำแนะนำเฉพาะ 3 ข้อที่จะช่วยบริษัทมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    ง.   เพิ่มคุณค่าของตัวเองต่อครอบครัวโดยวิธีต่อไปนี้
     ( ข้อแนะนำ )
  -       แสดงความขอบคุณต่อสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ภรรยาทำ    ซึ่งตนเคยถือเอาว่าเป็นหน้าที่ต้องทำ
  2.           สัปดาห์ละครั้ง ทำอะไรพิเศษให้กับครอบครัว
    3.           ให้เวลาวันละชั่วโมงโดยปราศจากการรบกวนต่อ
                       ครอบครัว
    จ.   ลับสมองตัวเองโดยวิธีการต่อไปนี้ 
    ( ข้อแนะนำ )
  -       ลงทุนอ่านวารสารวิชาชีพในวงการของตนเองอาทิตย์ละ
               2    ชั่วโมง
    2.           อ่านหนังสือการพัฒนาตนเอง 1 เล่ม
    3.           สร้างเพื่อนใหม่ 4 คน
    4.           ใช้เวลาวันละ 30 นาทีทุกวันในการคิดโดยปราศจากการ
                       รบกวน
   
      สรุปเป้าหมายการสร้างความสำเร็จ
      นำหลักการสร้างความสำเร็จมาใช้
    1.     กำหนดให้ชัดเจนว่าคุณต้องการไปทางไหน สร้างภาพพจน์ของตัวคุณเอง 10   ปีนับจากวันนี้
    2.   เขียนแผน   10 ปีของคุณ ชีวิตของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญเกินกว่าที่จะปล่อยให้เป็นไปตามดวง   เขียนลงในกระดาษในสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จในงานของคุณ ครอบครัว   และชีวิตในสังคม
    3.     ยอมจำนนต่อความปรารถนาของคุณ ตั้งเป้าหมายเพื่อให้ได้รับพลังงาน   ตั้งเป้าหมายเพื่อให้สิ่งต่างๆ ได้รับการปฏิบัติจนสำเร็จ   ตั้งเป้าหมายและพบความสนุกสนานและเพลิดเพลินในการใช้ชีวิต
    4.     ปล่อยให้เป้าหมายหลักของคุณเป็นตัวชี้นำชีวิตโดยอัตโนมัติของคุณ   เมื่อคุณปล่อยให้เป้าหมายครอบจิตใจของคุณ   คุณจะพบว่าคุณตัดสินใจอย่างถูกต้องที่จะบรรลุสู่เป้าหมายนั้นเสมอ
    5.     ทำงานสู่เป้าหมายทีละขั้น ถือว่าแต่ละก้าวที่คุณทำเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่เป้าหมาย   ไม่ว่าก้าวนั้นจะดูเหมือนก้าวเล็กแค่ไหนก็ตาม
    6.     สร้างเป้าหมาย 30 วัน   ความพยายามในแต่ละวันในที่สุดจะให้ผลที่ต้องการตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
    7.     เดินอ้อมในการก้าวย่างของคุณ ทางอ้อมมีความหมายเป็นเพียงอีกทางหนึ่ง   มันไม่ควรจะหมายถึงการยอมจำนนในเป้าหมายของคุณ
    8.     ลงทุนในตัวเอง ซื้อสิ่งที่สร้างพลังทางจิตใจและประสิทธิภาพลงทุนในการศึกษา   ลงทุนในสิ่งที่สร้างความคิด
   
   
    บทที่ 13   วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำ
      ฝึกการแลกเปลี่ยนจิตใจ
   
 
   
      รายการตรวจสอบว่าผมเป็นคนที่คิดก้าวหน้าหรือไม่
    ก.            ผมเป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้าต่องานที่ทำหรือไม่ ?
    1.    ผมวิเคราะห์งานที่ทำด้วยทัศนคติที่ว่า เราจะทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร?
                      หรือไม่ ?
    2.           ผมสรรเสริญบริษัท คนในบริษัท   และผลิตภัณฑ์ที่บริษัทขายในทุกโอกาสที่เป็นไปได้หรือไม่   ?
    3.           มาตรฐานส่วนตัวของผมเมื่อคำนึงถึงปริมาณและคุณภาพของงานที่ผมทำในขณะนี้สูงกว่าเมื่อ   3 หรือ 6 เดือนที่แล้วหรือไม่ ?
    4.     ผมเป็นแบบอย่างที่ดีเลิศสำหรับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน   และคนอื่นที่ผมทำงานด้วยหรือไม่ ?
    ข.   ผมคิดอย่างก้าวหน้าต่อครอบครัวหรือไม่ ?
   
    1.           ครอบครัวผมมีความสุขมากขึ้นกว่าเมื่อ 3 หรือ 6 เดือนหรือไม่   ?
    2.           ผมกำลังทำตามแผนที่จะปรับปรุงมาตรฐานความเป็นอยู่ของครอบครัวหรือไม่   ?
    3.           ครอบครัวผมมีกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจนอกบ้านหรือไม่   ?
    4.    ผมได้กำหนดแบบอย่างของการเป็นคน “   ก้าวหน้า ”   เป็นผู้สนับสนุนความก้าวหน้าให้แก่ลูกๆ หรือไม่ ?
    ค.   ผมคิดอย่างก้าวหน้าต่อตัวเองหรือไม่ ?
  -       ผมสามารถพูดได้อย่างบริสุทธิ์ใจหรือไม่ว่าในวันนี้ผมเป็นคนที่มีค่ามากกว่าเมื่อ    3 หรือ 6 เดือนที่แล้ว ?
  2.           ผมกำลังปฏิบัติตามโปรแกรมการปรับปรุงตนเองอย่างมีระบบ   เพื่อที่จะเพิ่มคุณค่าของผมต่อคนอื่นหรือไม่ ?
    3.           ผมมีเป้าหมายที่มองไกลออกไปในอนาคตอย่างน้อย 5 ปีข้างหน้าหรือไม่   ?
    4.    ผมเป็นคนที่ผลักดันโครงการต่างๆ ในทุกองค์กรหรือกลุ่มที่ผมเป็นสมาชิกหรือไม่  ?
    ง.   ผมคิดอย่างก้าวหน้าต่อชุมชนที่ผมอยู่หรือไม่ ?
   
    1.           ผมได้ทำอะไรบ้างใน 6   เดือนที่ผ่านมาที่ผมสามารถคิดได้อย่างบริสุทธิ์ใจว่าได้ช่วยปรับปรุงชุมชนของผม    ( เพื่อนบ้าน  วัด            โรงเรียน ฯลฯ) ?
    2.           ผมได้ช่วยผลักดันโครงการที่มีประโยชน์ต่อชุมชน แทนที่จะคัดค้านวิจารณ์   หรือบ่นหรือไม่ ?
      3.             ผมเคยเป็นผู้นำในการปรับปรุงที่มีประโยชน์ต่อชุมชนหรือไม่  ?
    4.    ผมพูดในสิ่งที่ดีต่อเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมชาติหรือไม่   ?
      สรุปการคิดที่จะเป็นผู้นำ
                       การที่จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิผลมากขึ้น   ใช้กฎการเป็นผู้นำ 4 ข้อ ต่อไปนี้
                      1.   แลกเปลี่ยนจิตใจกับคนที่คุณต้องการมีอำนาจชักจูงจิตใจ   มันเป็นการง่ายที่จะทำให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณต้องการให้เขาทำ   ถ้าคุณจะมองสิ่งต่างๆ จากสายตาของเขา ถามตัวเองด้วยคำถามนี้ก่อนที่คุณจะลงมือทำ  “   ผมจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ถ้าผมเป็นเขา และเขาเป็นผม    ”  
                                          2. ประยุกต์ใช้กฎ   “   ความเป็นมนุษย์ ”   ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่น ถามว่า “   อะไรคือวิธีที่มีความเป็นมนุษย์ในการจัดการกับปัญหานี้   ”    ในทุกๆ สิ่งที่คุณทำ แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก   ปฏิบัติต่อคนในแบบที่คุณอยากได้รับการปฏิบัติ   คุณจะได้รับผลตอบแทนไม่ช้าก็เร็ว           
                                          3. คิดอย่างก้าวหน้า    เชื่อในความก้าวหน้าและผลักดันเพื่อความก้าวหน้า คิดปรับปรุงในทุกสิ่งที่คุณทำ   คิดมาตรฐานสูงในทุกสิ่งที่คุณทำ   ในระยะเวลาหนึ่งลูกน้องมีแนวโน้มที่จะเป็นรูปสำเนาของ        หัวหน้าของเขา   ให้แน่ใจว่ารูปต้นแบบมีค่าควรแก่การทำสำเนา     ตั้งเป็นนโยบายส่วนตัวในสิ่งต่อ  “   ที่บ้าน   ที่ทำงาน   ในสังคม ถ้ามันเป็นเรื่องของความก้าวหน้า ผมเห็นด้วย   ”  
                                          4. หาเวลานอกพูดคุยกับตนเอง และดึงพลังชั้นสุดยอด
      ของคุณออกมาใช้    การตั้งใจอย่างโดดเดี่ยวให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ใช้มัน
      ในการปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมา ใช้มันในการ
      ค้นหาคำตอบให้แก่ปัญหาส่วนตัวและธุรกิจ ดังนั้นใช้เวลาบางส่วน
      สำหรับอยู่ตัวคนเดียวทุกวันเพียงเพื่อที่จะคิด ใช้เทคนิคการคิดที่ผู้นำที่ยิ่ง
      ใหญ่ทั้งหลายใช้ นั่นคือพูดคุยกับตนเอง
   
    บทที่ 14   วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหญ่ใน
      สถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต
   
                      มีสิ่งมหัศจรรย์อยู่ในการคิดใหญ่ แต่มันง่ายมาที่จะลืม   เมื่อคุณสะดุดตอที่ใหญ่โต ก็น่าห่วงว่าความคิดของคุณจะหดลีบเล็กลง   และเมื่อมันเกิดขึ้น คุณก็แพ้
                      ต่อไปนี้เป็นแนวทางสั้นๆ ที่จะทำให้คุณยังคงยึดอยู่กับสิ่งใหญ่   เมื่อคุณรู้สึกอยากจะใช้วิธีการแบบเล็กในการทำสิ่งต่างๆ
                      บางทีคุณอาจจะต้องการแนวทางเหล่านี้ลงบนกระดาษการ์ดเล็กๆ   เพื่อสะดวกแก่การหยิบใช้
                      1. เมื่อคนเล็กพยายามกดคุณลงมา จงคิดใหญ่   แน่นอนมีคนบางคนที่ต้องการจะให้คุณแพ้ ต้องการให้ประสบกับเคราะห์ร้าย   ต้องการให้คุณถูกตำหนิ แต่คนเหล่านี้ไม่สามารถที่จะทำร้ายคุณได้ถ้าคุณจำ 3   สิ่งต่อไปนี้
                      ก. คุณชนะถ้าคุณปฏิเสธที่จะสู้กับคนคิดเล็กคิดน้อย   การต่อสู้กับคนเล็กจะลดขนาดของคุณให้เท่ากับขนาดของเขา   เพราะฉะนั้นยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่ไว้
                      ข. คาดไว้ได้เลยว่าถ้าคุณต้องการถูกแทงข้างหลัง   นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าคุณกำลังโต
                      ค.   เตือนตัวเองว่าคนลอบกัดมีความเจ็บป่วยทางจิตจงเป็นคนใหญ่   และให้ความสงสารแก่พวกเขา
                      คิดให้ใหญ่พอที่จะปลอดภัยจากการโจมตีของพวกคิดเล็กคิดน้อย
                      2. เมื่อเกิดความรู้สึกที่ว่า   ผมไม่มีในสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จ คืบคลานเข้ามาหาคุณ จงคิดใหญ่   จำไว้ว่าถ้าคุณคิดว่าคุณอ่อนแอ คุณก็จะอ่อนแอ   ถ้าคิดว่าคุณไม่มีความสามารถเพียงพอ คุณก็ไม่มี      ถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นคนชั้นสองคุณก็เป็น   โจมตีแนวโน้มทางธรรมชาติของคนที่จะรู้สึกตนเองว่าต่ำต้อยด้วยเครื่องมือต่อไปนี้
                      ก. ทำให้ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดในสิ่งที่สำคัญ   รูปร่างหน้าตา   และการปรากฏภายนอกของคุณมีส่วนเกี่ยวพันกับความรู้สึกภายในของคุณเป็นอย่างมาก
                      ข. มุ่งเน้นในคุณสมบัติของคุณ   สร้างวิธีการขายตัวเองให้กับตัวเองแล้วใช้มัน   เรียนรู้ที่จะชาร์จพลังในตัวคุณเอง รู้จักด้านบวกของตัวเอง
                      ค. วางคนอื่นให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม   คนอื่นก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นจะกลัวเขาทำไม   ?
                      คิดให้ใหญ่เพียงพอ เพื่อที่จะเห็นว่าคุณดีแค่ไหนจริงๆ
                      3.   เมื่อมีการทะเลาะเบาะแว้งดูเหมือนจะหลีกเหลี่ยงไม่ได้ จงคิดใหญ่ พยาบาท อาฆาต   จะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ที่คุณต้องการจะไป
                      ก. ถามตัวเองว่า จริงๆ   แล้วเป็นสิ่งที่สำคัญแค่ไหนที่จะต้อง      ถกเถียงกัน?
                      ข. เตือนตัวเองว่า คุณไม่ได้อะไรเลยจากการทุ่มเถียง   แต่คุณจะเสียอะไรบางสิ่งบางอย่างเสมอ
                      คิดให้ใหญ่เพียงพอที่จะเห็นว่าการทะเลาะ การทุ่มเถียง   และความพยาบาทอาฆาตจะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ๆ คุณต้องการจะไป
                      4. เมื่อคุณรู้สึกพ่ายแพ้ จงคิดใหญ่ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จใหญ่หลวงโดยปราศจากความ ลำบากและความผิดพลาดแต่มันเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการถูกทำให้ พ่ายแพ้ นักคิดใหญ่มีปฏิกิริยาต่อความผิดพลาดโดยวิธีนี้
                      ก. ถือว่าความผิดพลาดเป็นบทเรียน เรียนรู้จากมัน   วิเคราะห์ดูความผิดพลาดและใช้มันในการส่งคุณให้ก้าวไปข้างหน้า   กอบกู้สิ่งที่เหลืออยู่จากความผิดพลาดทุกครั้ง
                      ข. ผสมผสานความมุ่งมั่นกับการทดลอง   ถอยหลังและเริ่มทำใหม่ด้วยวิธีการใหม่ๆ
                        คิดให้ใหญ่พอที่จะเห็นว่าความพ่ายแพ้เป็นสภาวะของจิตใจไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
                      5. เมื่ออารมณ์แห่งความรักเริ่มจะเสื่อมคลาย   จงคิดใหญ่ ความคิดจุกจิกและเป็นลบประเภท หล่อน (เขา) ไม่ยุติธรรมกับผม (   ฉัน)เพราะฉะนั้นผม ( ฉัน ) ก็ทำแบบเดียวกัน เป็นความคิดที่ฆ่าอารมณ์แห่งความรัก   ทำลายความเสน่หาที่ควรจะเป็นของคุณ   ทำสิ่งต่อไปนี้เมื่อเกิดความขัดข้องหมองใจในด้านของความรัก
                      ก.   มุ่งเน้นในคุณสมบัติสำคัญที่สุดกับคนที่คุณต้องการให้รักคุณเก็บสิ่งเล็กๆ น้อยๆ   ไว้ในที่ของมัน ที่ชั้นสอง
                      ข. ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นพิเศษสำหรับคู่ของคุณ และทำบ่อยๆ   คิดให้ใหญ่พอที่จะพบความสุขของชีวิตแต่งงาน
                      6. เมื่อคุณรู้สึกว่าความก้าวหน้าในงานกำลังช้าลง   จงคิดใหญ่ ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไร และไม่ว่าคุณจะมีอาชีพอะไร   การเลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนที่สูงขึ้นมาจากสิ่งเดียวเท่านั้น   คือเพิ่มคุณภาพและปริมาณของผลผลิตของคุณ ทำสิ่งต่อไปนี้
                      คิดว่า ผมสามารถทำให้ดีขึ้น สิ่งที่ดีทีสุดไม่มี   เพราะฉะนั้นมีช่องทางที่จะทำทุกสิ่งให้ดีขึ้น   ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ถูกทำขึ้นอย่างสมบูรณ์ไม่มีที่ติและเมื่อคุณคิดว่า   ผมสามารถทำให้ดีขึ้น   จะปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมาคิดให้ใหญ่พอที่จะเห็นว่าถ้าคุณถือบริการอยู่เหนือสิ่งอื่นใด   เงินก็จะตามมาเอง
   
      จากวาทะของพูบลิเลียส ไซรัส ได้กล่าวไว้ว่า
      คนฉลาดจะเป็นเจ้านายของจิตใจเขา   คนโง่จะเป็นทาส